โบรกเกอร์ Exness มีความหลากหลายของสินค้าให้ท่านได้เลือกเทรด ทั้ง Forex CFDs โลหะ พลังงาน หุ้น ดัชนี และ Cryptocurrency (ตอนนี้เห็นว่ามี Social trading เพิ่มขึ้นมาด้วยสำหรับนักเทรดที่ต้องการใช้บริการ copytrading) ให้บริการการเทรดผ่านแพลตฟอร์มที่นิยมเทรดกันคือ Metatrader 4/5 รวมทั้งแพลตฟอร์มอื่นๆ แล้วแต่ลูกค้าจะเลือกใช้ มีหลายประเภทบัญชีให้เลือก
- สำหรับแพลตฟอร์ม Metatrder 4 มีบัญชีประเภท Standard, Standard Cent, Raw Spread, Zero, และ Pro
- สำหรับแพลตฟอร์ม Metatrader 5 มีบัญชี Standard, Raw Spread, Zero, และ Pro
มีหลายรูปแบบบัญชี ให้เทรดเดอร์ Forex ได้เลือกใช้ นั่นทำให้โบรกเกอร์ Exness มีความน่าเชือถือ อีกทั้งสิ่งแวดล้อมในการเทรดก็เป็นแบบมืออาชีพ รวมไปถึงการให้บริการแบบมืออาชีพอีกด้วย
ข้อดีของโบรกเกอร์ Exness
- ฝากขั้นต่ำเพื่อเริ่มเทรดน้อยมาก ตั้งแต่ 1 ดอลลาร์: ถ้าฝากน้อยผมแนะนำให้ฝากเข้าบัญชีประเภท cent เพื่อเพิ่มปริมาณยอดเงินคงเหลือ โดยที่ท่านจะสามารถฝึกเทรดเงินจริงได้โดยไม่ต้องลงทุนเยอะ
- สเปรดค่อนข้างไปทางแคบ โดยเฉพาะบัญชี Pro, Raw Spread, และ Zero
- เรื่อง Unilimited leverage ไม่จำกัด: สำหรับเทรดเดอร์ที่เข้าใจในเรื่องของ leverage สามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ด้วยการลงทุนน้อยๆ แต่ได้ผลกำไรมากได้ และแน่นอนอาจแลกมาด้วยความเร็วในการล้างพอร์ต
- ไม่มีค่าคอมมิชชั่น: ต้นทุนการเทรดไปรวมอยู่ที่สเปรดเลย (ยกเว้นบัญชี ECN ที่มีการคิดค่าคอมมิชชั่นแยกออกมา) ซึ่งไม่รวมถึงค่า swap สำหรับออเดอร์เปิดเทรดที่ถือข้ามวัน
- 0% สำหรับการใช้มาจิ้นในการเปิดออร์เดอร์เฮจคานกันไว้
- ฝาก ถอนง่าย สามารถฝากถอนผ่านธนาคารไทยได้สำหรับคนไทย: โดยใช้เวลาในการฝาก-ถอนไม่กี่นาที (แทบจะทันที) และมีหลายธนาคารไทยให้เลือก
ข้อเสียของโบรกเกอร์ Exness
- การขอเปิดบัญชีเดโมเพื่อทดลองเทรด ต้องมีบัญชีจริงก่อน จึงจะขอเปิดบัญชีได้
- ยอดฝากขั้นต่ำมากเกินไป สำหรับบัญชี Classic คือตั้งแต่ 2000 ดอลลาร์
- ไม่มีโบนัส
- เรื่องของ Leverage จำกัดแค่ 1:200 สำหรับบัญชีเทรดแบบ ECN
- มีการคิดค่าคอมมิชชั่นสำหรับบัญชี ECN
- มีการใช้ 100% margin สำหรับการเปิดคานออร์เดอร์ที่เปิดอยู่สำหรับบัญชี ECN
- มีการปรับเปลี่ยน leverage ก่อนช่วงประกาศข่าวสำคัญ 15 นาทีและหลังประกาศไปแล้ว 5 นาที และก่อนตลาดปิดทำการอีก: โดยจะลดมาเป็น 1:200 (แต่ก็จะมีข้อความมาทาง Mailbox ของ Metatrader ของค่าเงินที่จะโดนลด Leverage ก่อนมีข่าวนั้นๆ) ซึ่งอันนี้ทำให้นักเทรดที่เปิดออร์เดอร์โดยใช้ Leverage ช่วยเยอะๆ ต้องคอยบริหารให้ดีๆ ไม่งั้นอาจจะกลายเป็นการสูญเสียเงินในพอร์ตของท่านได้ โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะข่าวก็มีทั้งวันเดี๋ยวลดเดี๋ยวเพิ่มเทรดแล้วทำให้กังวลตลอด
- ชาร์ตไม่ใช่ New York close
สเปรด คอมมิชชั่นของ Exness
การคิดค่าบริการต่างกันออกไปตามประเภทบัญชีเทรด ต้นทุนหลักๆ ที่เกิดจากการเทรดที่โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ใช้คือ เรื่องของสเปรด เรื่องของค่าคอมมิชั่น และค่า swap การถือออเดอร์ที่เปิดอยู่ข้ามวัน โดยทางโบรกเกอร์ Exness ได้เสนอตามแต่ละประเภทบัญชีดังนี้
- บัญชีประเภท Cent ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
- บัญชีประเภท Mini ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
- บัญชีประเภท ECN มีค่าคอมมิชชั่น
- บัญชีประเภท Classic ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
จะเห็นว่าต้นทุนการเทรดของโบรกเกอร์ Exness จะไปรวมที่สเปรดเกือบทุกประเภทบัญชี ยกเว้นบัญชีแบบ ECN ที่มีการคิดค่าคอมมิชชั่นออกมาต่างหาก ต้นทุนค่าสเปรดก็เป็นแบบลอยตัวตามราคาตลาด เริ่มที่ 0.0 pip สำหรับบัญชี ECN และ 0.01 pip ที่บัญชี Classic และเริ่มที่ 0.3 pip สำหรับบัญชี Mini ถ้าเป็นการเทรดช่วงที่ตลาดเกี่ยวกับค่าเงินนั้นๆ เปิดด้วยก็จะได้สเปรดที่ถือว่าต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับโบรกเกอร์อื่นๆ ไม่นับรวมถึงต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการถือออเดอร์ข้ามวันที่ทุกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์คิดเหมือนกัน อาจแตกต่างกันเล็กน้อยถ้าไม่ใช่บัญชีแบบ SWAP Free